top of page
Writer's pictureวัดพลา

ความเพียรชอบ

หมั่นรู้ทันกิเลสในจิตในใจของเราเอง

เพราะฉะนั้นเราต้องตั้งหลักให้ถูก เราภาวนา จุดหมายปลายทางเพื่อความพ้นทุกข์ แต่ก่อนจะไปถึงความพ้นทุกข์ได้ งานหลักๆ ของเราคืองานล้างกิเลส การที่เราล้างกิเลสได้ นั่นล่ะก็คือเกิดกุศลขึ้น เมื่อเช้าก็มีโยมคนหนึ่ง เจอหลวงพ่อก็ถาม เขาเห็นกิเลสตัวเอง อย่างเพื่อนมาร้องเรียกชื่อ ไม่ได้มาด่า แค่มาเรียกชื่อ ความโกรธมันพุ่งขึ้นเฉยๆ เลย พุ่งขึ้นจากกลางอก ขึ้นมาถึงหน้าเลย แล้วความโกรธก็พุ่งออกทางตา ส่งพลังทำลายล้างออกทางลูกตา

ก็ถามหลวงพ่อว่าจะตกนรกไหม โทสะแรงเหลือเกิน หลวงพ่อบอกตก ถ้าปล่อยให้กิเลสครอบงำใจอยู่ ไม่รู้จักชำระสะสาง ตายไป มันก็ไปตามกิเลสนั่นล่ะ ถ้าโทสะแรงก็ตกนรกไป เพราะเวลาเรามีโทสะ เราไม่มีความสุข เวลาจิตใจเกิดความโกรธ ตระกูลโทสะอย่างนี้ จิตใจจะไม่มีความสุข ตระกูลโทสะมันก็กว้าง อย่างโกรธ ขัดใจ อิจฉา ตระหนี่ เวลาเราเกิดความรู้สึกตระหนี่ เรานึกว่าราคะ ไม่ใช่หรอก สังเกตให้ดี เวลาเราหวงอะไรแล้วคนจะมาเอา จิตใจเราไม่มีความสุข เป็นตระกูลโทสะ ความตระหนี่

ฉะนั้นเราสังเกตใจของเราไป ถ้าโทสะเยอะ มันตกนรกตั้งแต่ยังไม่ทันจะตายเลย ตายไปมันก็ไปตกต่อ หรือถ้าเราโลภะเยอะ มันก็เป็นพวกเปรต ถ้าทิฏฐิเยอะ มานะเยอะ ก็ไปเป็นพวกอสุรกาย ตัวทิฏฐิก็อยู่ในตระกูลราคะเหมือนกัน แต่มันแยกหน้าตาออกไป กิเลสแต่ละตระกูล มันก็มีพรรคพวก มีลูกมีหลานแยกๆ ออกไป

อย่างตระกูลโลภะก็มีราคะ ตั้งแต่ราคะหยาบๆ กามราคะถึงราคะละเอียด รูปราคะ อรูปราคะ ติดอกติดใจในสมาบัติทั้งหลาย หรือตัวทิฏฐิ ตัวความคิดความเห็น ยึดถือมั่นในความเห็นผิดทั้งหลาย อันนั้นก็เป็นตระกูลโลภะเหมือนกัน พวกโลภมากก็ไปเป็นเปรต ถ้าพวกทิฏฐิมากก็ไปเป็นอสุรกาย อสุรกายไม่รับส่วนบุญส่วนกุศลของใครทั้งสิ้น ถ้าใครไปเกิดเป็นอสุรกาย ใครทำบุญให้ก็ไม่รับ เพราะว่าเซลฟ์จัด ไม่รับอะไรของใคร เปรตบางพวกก็รับ บางพวกก็รับไม่ได้

ถ้าเราโมหะเยอะ จิตเราหลงไปเรื่อยๆ หรือเซื่องซึม โมหะก็มีหลายแบบ ฟุ้งซ่านกับเซื่องซึม พวกโมหะ เราสังเกตให้ดี พวกสัตว์ บางทีใจมันก็ฟุ้งๆ ทะยานออกไป ลุยแหลก ไม่รู้เรื่องรู้ราว บางทีก็เซื่องซึมหงอยๆ ซึมๆ ไป ลองดูหมาที่บ้านเราก็ได้ ถ้าใครเลี้ยงหมา เวลามีอะไรมากระตุ้นก็กระโดดขึ้นมายืนผาง เห่า เอะอะโวยวาย นี่ฟุ้งซ่านรุนแรง เอะอะโวยวายออกมาก บางทีไม่มีใครมากวนก็ซึมๆ เงียบๆ นี่ตระกูลโมหะ

ถ้าเราคุ้นเคยกับกิเลสตัวไหน โอกาสที่จะไปเกิดด้วยอำนาจกิเลสตัวนั้นมันก็มี มันเป็นความคุ้นเคย จิตมันคุ้นเคยจะโลภ มันก็มักจะตายด้วยความโลภ ตอนตายจิตมักจะโลภ จิตคุ้นเคยกับความโกรธ ตอนจะตายก็มักจะไหลไปตามความโกรธ เคยชินจะหลง มันก็จะไปตามความหลง นี่กิเลส

เราจะปฏิบัติธรรม ต้องหมั่นรู้ทันกิเลสในจิตในใจของเราเอง ไม่ต้องไปรู้กิเลสคนอื่น เห็นกิเลสคนอื่น กิเลสเราจะเพิ่มขึ้น อย่างน้อยก็มีทิฏฐิมานะ กูเก่งอะไรอย่างนี้ ถ้าเห็นกิเลสของตัวเอง มันก็จะลดละกิเลสลงได้ สังเกตที่จิตใจเรา สังเกตลงไปในจิตในใจเรา กิเลสไม่ได้อยู่ที่อื่น กิเลสอยู่ที่จิตเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากมีความเพียรชอบ เรามีสติสังเกตจิตใจตัวเองไป แล้วความเพียรชอบมันจะเกิดขึ้นเอง

0 comments

Comments


bottom of page